ทำให้แน่ใจว่าสิ่งนั้นเป็นความสำเร็จที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณจริงๆ ไม่ได้เผลอไปเอาความฝันของคนใกล้ตัวมาเป็นของตัวเอง ไม่ได้เอาความอยากชั่วคราวมาตั้งเป็นเป้าหมาย ไม่ได้เอาความอยากสำเร็จเหมือนคนอื่นมาเป็นเป้าหมายของตัวเอง

2 เลิกปิดกั้นความคิดตัวเอง

เมื่อกล้าตั้งเป้าหมาย ความสำเร็จ แล้ว ก็ต้องกล้าเชื่อด้วยว่า “เราสามารถทำได้จริงๆ”

แม้ว่าคนรอบตัวจะแย้ง จะไม่เห็นด้วย จะเอาแต่บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ก็ตาม

สิ่งที่เราต้องทำมี 2 อย่างคือ

1 หนักแน่นในเป้าหมาย

2 นำคำทักท้วงไปตรวจสอบ อะไรเป็นจุดอ่อนให้พัฒนา

3 วางแผน และลงมือทำ

การมีแผนว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ มีค่ามากกว่าแค่การมีอะไรทำ เพราะแผนที่ดีจะทำให้เรารู้ว่าต้องอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร นานแค่ไหน และยังช่วยลดระยะเวลาการลงมือทำให้ไม่ยาวนานจนท้อก่อนสำเร็จได้อีกด้วย

ที่สำคัญมีแผนที่ดีแล้วอย่าลืมลงมือทำตามแผนที่วางไว้นะ

4 จินตนาการภาพความสำเร็จไว้เสมอ

เหนื่อย ท้อ เมื่อไหร่ ลองหยุดความคิดให้นิ่งสักพัก แล้วนึกถึงภาพความสำเร็จที่เราอยากได้ดูซิ แล้วถามตัวเองว่า “ถ้าเราทำสำเร็จ ชีวิตเราจะดีขึ้นแค่ไหน” และ “ถ้าเราเลิกทำ ไม่สำเร็จชีวิตเราจะเป็นอย่างไร”

5 ทบทวน

หลังจากลงมือทำตามแผนไปสักระยะ อย่าลืมทบทวนสักนิดว่าที่ผ่านมา เราทำไปแล้วได้ผลลัพธ์อย่างไรบ้าง มีอะไรที่ทำแล้วได้ผลดี สำเร็จ อะไรที่ทำแล้วยังไม่ได้ผล หรือทำไปแล้วไม่สำเร็จตามที่คาดไว้

การทบทวนนี้ไม่ใช่การตอกย้ำถึงความล้มเหลว แต่เป็นการเช็คว่าเราจะต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนา อะไรบ้าง เพื่อให้สำเร็จได้ง่ายขึ้น ส่วนอะไรที่ทำได้ดีอยู่แล้วจะได้คงไว้หรือทำให้ดีมากขึ้นไปอีก

6 ไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว

“ไม่มีใครเก่งจนไม่ต้องพัฒนาตัวเอง” อย่าลืมว่าทุกวันโลกใบนี้เปลี่ยนไปตลอดเวลา สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น การพัฒนาตัวเอง หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่ต้องมี อย่าคิดว่าเราเก่งพอแล้ว รู้มากพอแล้ว

7 ฉลองความสำเร็จในแต่ละขั้นตอน

ทุกๆ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ล้วนต้องมีความสำเร็จเล็กๆ มาก่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ยิ่งเป้าหมายของคุณยิ่งใหญ่แค่ไหน คุณยิ่งต้องมองให้เห็นว่ามีความสำเร็จเล็กๆ อยู่กี่ขั้นตอน และเมื่อเราทำความสำเร็จเล็กๆ นั้นสำเร็จแล้วก็อย่าลืมชื่นชมตัวเอง ฉลองเล็กๆ ให้กับตัวเอง มองให้เห็นคุณค่าของตัวเอง เพื่อที่จะได้รู้ว่าวันนี้เราก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งแล้ว และมีกำลังทำต่อไป